วันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ลัทธิแอ็บแสตร็ค (Abstract)


Abstract คืองานศิลปะที่ไม่มีอะไรเมือนจริงในธรรมชาติเลย แต่จะเป็นความคิดสร้างสรรค์ของศิลปินที่ แสวงหาวิธีการแสดงออกทางความคิด ที่เป็นอิสระของเส้น สี และรูปทรง แต่ทั้งนี้ไม่ใช่ว่าศิลปินทำงานอะไรออกมามั่ว ๆ ได้ เพราะว่า กว่าที่ศิลปะ Abstract จะเกิดขึ้นมาได้นั้น มันต้องผ่านวิวัฒนาการทางความคิดและรูปแบบศิลปะ กล่าวคือ มันต้องผ่าน รูปแบบของศิลปะกึ่งนามธรรม (Semi - Abstract Art) เช่นศิลปะแบบ Expressionism, Cubism และ Fauvism พวกนี้มาก่อน ถึงจะมาเป็น Abstract ได้อย่างเต็มตัว
       Type of Abstract Art ?    เมื่อศิลปะก้าวเข้ามาในแนว Abstract อย่างเต็มตัว นั่นก็หมายความว่า เรื่องราว หรือ เนื้อหาของภาพจะถูกลดความสำคัญลง หรือ ถูกบิดเบือนตัดทอน เพื่อที่จะเปลี่ยนไปเป็น Abstract มากขึ้น ศิลปะ Abstract เราอาจแบ่งได้เป็น 2 พวกใหญ่ๆ คือ
       1    Abstract Expressionism      2    Geometric Abstraction
       ศิลปะ Geomatric Abstracttion นั้นจะเป็นพวกที่สืบถอด และรับอิทธิพลมาจากพวก Cubism ศิลปินใน กลุ่มนี้ ที่เห็นได้ชัดก็คือ Piet Mondrain ส่วนกลุ่ม Abstract Expressionism นั้นจะรับอิทธิพลมาจาก Kandinsky เป็นหลัก ศิลปินในกลุ่มนี้ ยังแบ่งเป็นอีก 2 พวกใหญ่ๆ อีกก็คือ
       -    Action Painting   เช่น Jackson Pollock
       -    Colour-Field Painting   เช่น Mark Rothko

       ศิลปะแบบ Geomatric Abstract นี้ได้สืบทอดแนวความคิดของพวก Cubism ที่ว่า "การลดถอน ทุกสิ่งทุกอย่างลงจนเหลือแค่โครงร่างเรขาขณิต" โดยที่พวกเขานำมาเสนอใหม่ในรูปแบบ Abstract อย่างเต็มตัว ศิลปินในกลุ่มนี้ที่เด่นๆ ก็คือ Piet Mondrian เขาเป็นจิตรกรชาวดัทช์ โดยที่เขามีความคิดในการทำงานศิลปะว่า จะต้องเลิกล้มประเพณีของจิตกรรมแบบเก่าๆ โดยเน้นที่จะต้องเป็นศิลปะเป็น Abstraction และ Simplification ซึ่งนั่นก็คือ การเน้นโครงสร้างที่คิดคำนวณอย่างหนัก ในการนี้ เส้นตรงเข้ามามีบทบาทสำคัญ และก็มีความชัดเจน ส่วนสีก็จะ ลดให้เหลือแต่แม่สี แดง เหลือง นํ้าเงิน และสีกลาง (ขาว เทา ดำ) การลดรูปทรง ลดสีนี้ มันเป็นสัญลักษณ์ ที่แฝงมาจากปรัชญาตะวันออก และการสอนเกี่ยวกับสมาธิ วิปัสนา (Theosophy) ที่มีอยู่ในขณะนั้น
       ในปี ค.ศ. 1911Mondrain ได้เดินทางไป Paris ซึ่งอยู่ในช่วงที่ Cubism กำลังแพร่หลายที่นั่น ทำให้เขา ได้รับอิทธิพลในเรื่องสีจาก Picasso และ Braque ซึ่งก็คือการใช้สีในแนวเขียวตะไคร่ สีเทา สีดินออกเหลือง นํ้าตาล แต่ Mondrian จะทำเส้นให้ตรงไปตรงมา มากกว่าจะจัดวางระนาบ และเส้นเฉียงๆ แบบ Cubism ของ Picasso ถึงแม้ว่า Mondrain จะรับอิทธิพลจากศิลปะแบบ Cubism แต่เขาก็ไม่ทำภาพที่ไม่มีเนื้อหา และ ความลึกลวงตาในภาพอย่างของ Cubism
       จุดมุ่งหมายสุดท้ายที่ Mondrain ต้องการในภาพเขียนของเขาก็คือ Pure Reality หรือ สัจธรรมบริสุทธิ์ Reality ของ Mondrain ก็คือสีที่มีอยู่ขณะนั้นในภาพไม่ใช่ Reality ในการเลียนแบบธรรมชาติให้เหมือนจริง โดยที่ Mondrain นั้นเขาจะแสดงความเป็น Reality ด้วยการจัดรูปทรง และสีให้มีแรงผลักดัน เคลื่อนไหวอย่าง ได้ดุลย์กัน Mondrain จะมีวิธีการจัดรูปทรงสี่เหลี่ยมวางในแนวดิ่ง มุมทุกมุมจะเป็นมุมฉาก มีเส้นดำเด่นในแนวดิ่ง และ ในแนวราบ สลับผ่าน รูปสี่เหลี่ยมที่ใช้สีแดง สีนำเงิน สีเหลือง โดยอยู่บนพื้นภาพสีกลางๆ (ขาว) ทำให้เกิด โครงสร้างที่มีเส้นรอบนอก เคร่งครัด เป็นรูปแบบ "Neo-Plasticism" ที่ Mondrain ได้ค้นพบขึ้นมาเอง และทำได้สมบูรณ์แบบ อย่างที่เราเห็นได้ในภาพ New York City
       Neo - Plasticism ก็คือพลังเคลื่อนไหวของรูปทรง และ สีที่สะอาดบริสุทธิ์ โดยเป็นผลของการวางแผน ไตร่ตรองไปตามขั้นตอน จนได้ศิลปะนามธรรมแท้ ที่มีพื้นฐานความคิดจากโลกและวัตถุจริงจากธรรมชาติ เช่น ผังเมือง New York ซึ่งถือได้ว่าเป็นแนวคิดสมัยใหม่แบบหนึ่งในการแสวงหาความจริง เกี่ยวกับภาวะของวัตถุที่เป็นสามมิติ ซึ่งก็ทำให้งานของ Mondrain เป็นงาน Geometric Abstraction ที่สมบูรณ์ทั้งรูปแบบและความคิดนั่นเอ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น