วันเสาร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2554


ศิลปะก่อนยุคประวัติศาสตร์(Pre-Historic Period)
40,000-50,000 ปีก่อนคริสตกาล
เริ่มเมื่อประมาณ 40,000-50,000ปีก่อนคริสตกาล มนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ได้สร้างสรรค์ศิลปะวัตถุขึ้น เพื่อแทนความคิดและความรู้สึกที่ตนมีอยู่ให้คนอื่นรับทราบและเข้าใจได้ มนุษย์ถ่ายทอดความคิดและความรู้สึกอันเกิดจากปรากฎการณ์ทางธรรมชาติความเร้นลับและความตาย ความอุดมสมบูรณ์ หรือต้องการบันทึกเรื่องราวในชีวิตประจำวันทั้งนี้เพื่อแสดงถึงความประทับใจในสิ่งต่างๆที่ตนสัมพันธ์
สมัยก่อนประวัติศาสตร์ความเชื่อของมนุษย์ในยุคนั้นยอมรับอำนาจศักดิ์สิทธิ์ของธรรมชาติ เชื่อในอำนาจลี้ลับ เชื่อในพิธีชำระให้บริสุทธิ์ เชื่อการบูชาสัตว์ที่มีลักษณะพิเศษ เชื่อการบูชาบรรพบุรุษ เชื่อเครื่องหมายและเครื่องราง เชื่อเกี่ยวกับความตาย และเชื่อเกี่ยวกับความอุดมสมบูรณ์
ภาพเขียนยุคก่อนประวัติศาสตร์ งานศิลปกรรมของมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ที่มีชื่อเสียงประเภทจิตรกรรมคือ ภาพเขียนบนผนังถ้ำ(Cave Painting) สันนิฐานถึงเทคนิคการเขียนภาพฝาผนังถ้ำเชื่อว่าภาพเขียนนี้มนุษย์ที่เป็นผู้เขียนอาจจะใช้ถ่านเขียนภาพก่อน หรือใช้หินคนๆร่างภาพโดยขีดให้ผนังหินเป็นรอยลึกลงไปในโครง แล้วใช้เขม่าหรือดินผสมกับไขสัตว์ หรือน้ำมันสัตว์เป็นสีเขียน สำหรับภาพที่ใช้หินขูดขีดจนเป็นลอยลึกลงไปมากๆนั้น มักจะทำกับผนังถ้ำที่มีสีและมีลวดลายของพื้นผิวธรรมชาติ แล้วใช้สีผสมไขสัตว์ อัดลงไปตามร่องหิน เพื่อให้แลเห็นรูปร่างของภาพเด่นชัดและมีความคงทน นับว่ามนุษย์สมัยนั้นมีความคิดและความรู้สึกในความงามแล้ว

จุดมุ่งหมายของภาพเขียนผนังถ้ำคงมีไว้ใช้เป็นของขลังอะไรบางอย่าง สำหรับช่วยในการล่าสัตว์มีหลักฐานสนันสนุนความเชื่อเกี่ยวกับลัทธิวิญญาณนิยม เพราะภาพสัตว์หลายภาพเป็ยภาพสัตว์ที่ได้รับบาดเจ็บ มีร่องรอยและปรากฎอาวัธบนร่างกาย หรืออาจเป็นพิธีกรรมที่เรียกว่า ข่มวิญญาณร้ายหรือตัดไม้ข่มหนาม คือ ก่อนออกไปล่าสัตว์ ก็จะวาดภาพสัตว์ที่ต้องการล่าบนผนังถ้ำในอาการที่ถูกทำร้ายบาดเจ็บด้วยลูกธนูหรือลูกหอก หรือสร้างความเชื่อมั่นในหมู่คณะของตนว่า ถ้าออกไปล่าสัตว์แล้วจะสำเร็จ ได้สัตว์ชนิดนั้นเป็นอาหารแน่นอน การวาดภาพมิใช่เพื่อความสวยงามหรือบันเทิงเท่านั้นเพราะเขามิได้วาดตรงบริเวณปากถ้ำเพื่อให้มองเห็น แต่ภาพเหล่านี้วาดไว้อย่างมิดชิดมาก สถานที่เร้นลับ มือและสงบเงียบ งานศิลปกรรมของมนุษย์สมัยนี้จึงเป็นลักษณะศิลปศาสตร์(Magic Art)

ถ้ำอัลตามิราอยู่บริเวณหมู่บ้านซานติลานา เมืองซานทานเดอร์ทางภาคเหนือของสเปน ค้นพบในปี ค.ศ.1897 โดยนักโบราณชื่อ มาร์เชเฃียโน เดอ เซาดูโอลากับ บุตรสาว จากปากถ้ำลึกเข้าไป 30 หลา จะปรากฎภาพเขียนตลอดไปจนถึงก้นถ้ำส่วนใหญ่เป็นภาพสัตว์ชนิดต่างๆซึ้งมีอยู่ในสมัยนั้น เช่น วัวไบซัน ช้างแมมมอธ กวางเรนเดียร์ ม้า สัตว์ทุกชนิดแสดงอาการเคลื่อนไหวอย่างมีชีวิตชีวา ภาพเขียนบนผนังถ้ำอัลตามิร่าได้รับการยกย่องว่าเป็นงานจิตรกรรมที่ยอดเยี่ยมที่สุดของมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์
ถ้ำลาสโคซ์ในยุคหินเก่า เมื่อประมาณสองหมื่นปีมาแล้วมนุษย์อาศัยอยู่ในถ้ำในช่วงนั้นมิได้มีจิตรกรรมภาพแรกที่เรารู้จักนั่นคือจิตรกรรมฝาผนังถ้ำที่เมืองลาสโคซ์ ประเทศฝรั่งเศส สัตว์ในภาพคือกวาง ม้าป่า และวัวควาย ที่วาดซ้อนกันอย่างไม่มีระเบียบและมีขนาดแตกต่างกันถ้ำนี้ถูกค้นพบโดยบังเอิญโดยเด็กชายที่ออกไปค้างแรมในป่าบนภูเขาพร้อมด้วยสุนัข เมื่อ ค.ศ.1940 ในขณะที่สุนัขของเด็กหายไป เด็กจึงเที่ยวตามหาแล้วไปพบโพรงซึ้งมีวัชพืชขึ้นปกคลุมทางเท้า สุนัขของเด็กนั้นตกลงไปในโพรงนี้ลงไปในถ้ำข้างล่าง พบว่าจิตรกรรมฝาผนังนี้ไม่ได้วาดในที่เปิดเผย แต่ถูกวาดในที่มิดชิดมากสถานที่เร้นลับ มืดและสงบ แสดงให้เห็นว่าที่ปรากฎมิใช่เพื่อประชาสัมพันธ์หรือโฆษณาหรือเพื่อความบันเทิง แต่จุดมุ่งหมายที่แท้จริงน่าจะเพื่อเป็นของขลัง ลักษณะศิลปะไสยศาสตร์ เป็นการตัดไม้ข่มนามเพื่อประโยชน์ในการล่าสัตว์ และจิตรกรผู้วาดนับว่าเป็นผู้วิเศาซึ่งมีเวทย์มนต์เป็นบุคคลพ้เศษที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องออกล่าสัตว์ แต่คงได้รับอนุญาติให้อยู่ในถ้ำและฝึกหัดวาดภาพ
ประติมากรรมยุคก่อนประวัติศาสตร์ ประติมากรรมที่เด่นที่สุดของมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ คือประติมากรรมแบบลอยตัว รูปวีนัสแห่งวินเลนดอร์ฟ(Venus of Winlendorf)พบในถ้ำที่ประเทศออสเตรีย เมื่อ ค.ศ.1908 เป็นปรัติมากรรมที่มีรูปทรงรูปไข่ แสดงว่าเป็นสตร รูปร่างสะดุดตาก็คือมีศรีษะเล็กบริเวณท้องและก้นใหญ่ ซึ่งแสดงถึงความเชื่อเกี่ยวกับความอุดมสมบูรณ์ เป็นประติมากรรมที่แสดงลักษณะเหมือนจริงกับนามธรรมปนกันได้อย่างงดงาม
ประติมากรรมอีกชิ้นหนึ่งที่มีมาก่อนสมัยประวัติศาสตร์ที่พบเป็นส่วนใหญ่ในประเทศอังกฤษสันนิฐานว่าประติมากรรมชิ้นนี้มีการจัดวางโดยมนุษย์โดยมีจุดมุ่งหมายในด้านประโยชน์ใช้สอยคือ เพื่อการคำนวณดูเวลาจากเงาของหินที่ทอดลงบนพื้นตั้งแต่เช้าถึงเย็น ประติมากรรมชิ้นนี้เรียกว่า"Stonehenge"